top of page

Apple มีแผนมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 อย่างไร



🌎 ใน ณ ขณะปัจจุบันที่ธุรกิจและองค์กรทั่วโลกต่างมุ่งปรับตัวสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) เพื่อป้องกันการถูกกีดกันทางการค้าในอนาคต รวมถึงภาษีคาร์บอนที่จะตามมา เป็นต้น Apple เองเป็นเจ้าแรกๆ ที่ได้ออกมาแสดงถึงความเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจและการทรานฟอร์มองค์กรมุ่งสู่ Net Zero Emission ตามที่ Apple เองเคยได้ออกมาสัญญาไว้ในปี 2020 ว่าจะทำให้คาร์บอนฟุตพริ้นท์ทั้งหมดของ Apple เป็น 0 ภายในปี 2030 ดังนั้น Apple จะมีระยะเวลาเพียง 10 ปีเท่านั้นเพื่อที่จะทำเป้าหมายตามสัญญาที่ได้ประกาศแก่สาธาณชนทั่วโลกสำเร็จ เรามาดูกันว่า Apple จะมีแผนหรือกลยุทธ์อย่างไรบ้าง


ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่า Carbon Neutrality นั้นคืออะไร ?

Carbon Neutrality หรือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน คือ การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ เริ่มจากการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ตั้งแต่ต้นทาง เช่น ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แล้วจึงสร้างความสมดุลของปริมาณก๊าซเรือนกระจกด้วยวิธีดูดซับแบบธรรมชาติ (การปลูกป่าเพื่อเพิ่มจำนวนต้นไม้) การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้ไฟฟ้าหรือทรัพยากรต่างๆ ในกระบวนการผลิต เพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจก หรือการซื้อ Carbon Credit เพื่อทำการชดเชยหากกระบวนการผลิตยังคงมีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจก

ภาพประกอบ : https://www.archdaily.com/tag/apple-campus


โดยปัจจุบันบริษัทของ Apple ได้มีการดำเนินงาน (Operation) ที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนแล้ว Apple จึงได้ตั้งเป้าหมายใหม่ครั้งสำคัญเพื่อให้สินค้าทั้งหมดของ Apple มีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 ซึ่งหมายความว่าอุปกรณ์ทุกชิ้นของ Apple ที่วางจำหน่ายจะต้องไม่มีผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ

โดย Apple มีแผนกลยุทธ์แบ่งออกเป็น 5 ด้าน เพื่อมุ่งสู่ Carbon Neutrality ดังนี้


1.การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนน้อย (Low Carbon Design)

โดย Apple จะเลือกใช้วัสดุที่ปล่อยคาร์บอนน้อยและรีไซเคิลได้ในกระบวนการผลิต รวมถึงการพยายามคิดค้นวิธีใหม่ๆ ในการรีไซเคิลผลิตภัณฑ์ และออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีความประหยัดพลังงานมากที่สุด เช่น

✅ มีนวัตกรรมด้านการรีไซเคิลล่าสุดของ Apple อย่างหุ่นยนต์ "Dave" ใช้ถอดแยกชิ้นส่วน Taptic Engine จาก iPhone เพื่อกู้คืนวัสดุสำคัญได้มากขึ้น

✅ มีห้องแล็บกู้คืนชิ้นส่วนของบริษัทในเมืองออสติน รัฐเท็กซัสซึ่งเน้นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการรีไซเคิลชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และพยายามปรับปรุงโซลูชั่นด้านวิศวกรรมให้ดียิ่งขึ้น

✅ ในส่วนสินค้าอย่าง iPhone, iPad, Mac และ Apple Watch ทุกเครื่องที่วางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้วสร้างจากวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้ ซึ่งรวมถึงแร่ธาตุโลหะหายากที่รีไซเคิลได้ 100 เปอร์เซ็นต์

✅ ลดการสร้างคาร์บอนได้ถึง 4.3 ล้านเมตริกตันในปี 2019 โดยการปรับปรุงการออกแบบและการใช้วัสดุที่รีไซเคิลได้ในผลิตภัณฑ์ ในช่วง 11 ปีที่ผ่านมา Apple จึงได้ลดปริมาณการใช้พลังงานเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์ได้ถึง 73 เปอร์เซ็นต์


2.การเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงาน (Energy Efficiency)

Apple เสาะหาวิธีใหม่ในการลดการใช้พลังงานในอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกในองค์กร รวมถึงช่วยให้ซัพพลายเชนของAppleทำได้เช่นเดียวกัน เช่น

✅ US-China Green Fund ได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ Apple โดยจะให้เงินลงทุนมูลค่า 100 ล้านดอลลาร์แก่โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานแบบเร่งด่วนสำหรับซัพพลายเออร์ของ Apple

✅ มีอาคารสถานที่เข้าร่วมในโครงการประสิทธิภาพด้านพลังงานซัพพลายเออร์ของ Apple เพิ่มเป็น 92 แห่งในปี 2019 ซึ่งลดการปล่อยคาร์บอนของซัพพลายเชนได้กว่า 779,000 เมตริกตันต่อปี

✅ เมื่อปีที่แล้ว Apple ได้ลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงานให้กับอาคารหลังใหม่และหลังปัจจุบันเป็นพื้นที่กว่า 6.4 ล้านตารางฟุต โดยลดความต้องการใช้ไฟฟ้าได้เกือบ 1 ใน 5 เท่าและประหยัดเงินให้บริษัทได้ถึง 27 ล้านดอลลาร์


3.พลังงานหมุนเวียน (Clean Electricity)

Apple ใช้พลังงานหมุนเวียนในการดำเนินงานไว้ที่ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยเน้นการสร้างโครงการริเริ่มและการเปลี่ยนให้ซัพพลายเชนทั้งหมดหันไปใช้พลังงานสะอาด

✅ Apple มีซัพพลายเออร์กว่า 70 รายเข้าร่วมในโครงการใช้พลังงานหมุนเวียน 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับสายการผลิตของ Apple ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานเกือบ 8 กิกะวัตต์ที่ใช้ในกระบวนการผลิต หากโครงการนี้เสร็จสมบูรณ์ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 14.3 ล้านเมตริกตันต่อปี ซึ่งเทียบเท่ากับการนำรถยนต์ออกจากท้องถนน 3 ล้านคันในแต่ละปี

✅ โครงการใหม่และที่เสร็จสมบูรณ์แล้วในแอริโซนา โอเรกอน และอิลลินอยส์ ทำให้ Apple สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนให้กับการดำเนินงานของบริษัทกว่า 1 กิกะวัตต์ ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานที่จ่ายให้กับบ้านเรือน 150,000 หลังในแต่ละปี พลังงานหมุนเวียนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่ Apple ใช้ในอาคารสถานที่ขององค์กรในตอนนี้ได้มาจากโครงการที่ Apple จัดทำขึ้น ซึ่งช่วยให้ชุมชนและธุรกิจอื่นๆ ได้รับประโยชน์ด้วย

✅ Apple กำลังจะเปิดใช้งานแผงโซลาร์เซลล์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในสแกนดิเนเวีย รวมทั้งสองโครงการใหม่ที่ให้พลังงานแก่ชุมชนที่ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในฟิลิปปินส์และไทย


4.การปรับปรุงด้านกระบวนการและวัสดุ (Direct Emission Abatement)

Apple รับมือกับการปล่อยคาร์บอนด้วยการปรับปรุงเทคโนโลยีในกระบวนการและวัสดุที่ใช้ในสายการผลิต

✅ Apple ให้การสนับสนุนการพัฒนากระบวนการถลุงแร่อะลูมิเนียมแบบไม่ปล่อยคาร์บอนโดยตรงเป็นครั้งแรกผ่านการลงทุนและการร่วมมือกันกับซัพพลายเออร์อะลูมิเนียมสองราย

✅ ได้ประกาศว่าจะใช้อะลูมิเนียมแบบปล่อยคาร์บอนน้อยชุดแรกนี้ในการผลิต MacBook Pro รุ่น 16 นิ้ว

✅ ด้วยความร่วมมือกับซัพพลายเออร์ทำให้ Apple สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกลุ่มฟลูออริเนตได้กว่า 242,000 เมตริกตันในปี 2019 ก๊าซกลุ่มฟลูออริเนตใช้ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เชิงพาณิชย์หลายอย่างและมีส่วนต่อการเปิดปัญหาสภาวะโลกร้อน


5.การขจัดคาร์บอน (Carbon Removal)

Apple กำลังลงทุนเรื่องการปลูกป่าและโซลูชั่นด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ทั่วโลกเพื่อขจัดคาร์บอนออกจากชั้นบรรยากาศ

✅ Apple ประกาศเรื่องกองทุนเพื่อการแก้ปัญหาคาร์บอน โดยกองทุนนี้มีไว้สำหรับการลงทุนด้านการฟื้นฟูและการพิทักษ์ป่าและระบบนิเวศทางธรรมชาติทั่วโลก

✅ ได้ร่วมมือกับองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ โดยจะลงทุนในโครงการใหม่ๆที่ต่อยอดสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากงานที่ทำอยู่ เช่น การฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลนที่สำคัญในโคลอมเบียและทุ่งหญ้าเสื่อมโทรมในเคนยา โดยป่าชายเลนเป็นแหล่งสะสมคาร์บอนมากกว่าป่าประเภทอื่นๆ ถึง 10 เท่า ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันชายฝั่ง ยังส่งเสริมการดำรงชีวิตในชุมชน

✅ ด้วยความร่วมมือกับกองทุนเพื่อการอนุรักษ์ องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล และองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมนานาชาติ ทางบริษัทได้ปกป้องและฟื้นฟูผืนป่าที่ดูแลอยู่กว่า 1 ล้านเอเคอร์และปรับปรุงวิธีแก้ไขปัญหาสภาพอากาศในจีน สหรัฐอเมริกา โคลอมเบีย และเคนยา เป็นต้น

🎯 ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าปัจจุบันหลายๆธุรกิจเริ่มมีความมุ่งมั่นในการปรับตัวทรานฟอร์มองค์กรมุ่งสู่ Net Zero การมุ่งสู่การทำธุรกิจสู่การทำธุรกิจแบบรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจึงไม่ใช่เป็นเพียงทางเลือกต่อไป แต่จะเป็นทางรอด การเพิ่มโอกาส และความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจที่ทุกองค์กรจะต้องมีการปรับตัวตาม

📈 หากท่านใดสนใจปรึกษาและวางแผนกลยุทธ์เพื่อมุ่งสู่ Net Zero Transformation สามารถติดต่อมาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ที่ Baramizi Climate Tech

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.apple.com/th/newsroom/2020/07/apple-commits-to-be-100-percent-carbon-neutral-for-its-supply-chain-and-products-by-2030/

ดู 75 ครั้ง

ความคิดเห็น


bottom of page