top of page
รูปภาพนักเขียนBaramizi

เจาะลึกปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าแบรนด์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์


ในช่วงวันที่ 27 ต.ค. 2566 นี้เราจะมีเผยแพร่ชุดงานวิจัยที่ทาง Baramizi ทำร่วมกับทางคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรื่อง Most Valuable Real Estate Brand 2023

แบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามากสุดประจำปี 2023 จากดาต้าที่ได้วิเคราะห์กันออกมาผมได้เห็นองค์ประกอบที่น่าสนใจว่าปัจจัยอะไรที่ส่งผลต่อมูลค่าแบรนด์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในบ้านเรา

ซึ่งการจะวิเคราะห์แล้วทำให้ต่อยอดแล้วนำผลของดาต้าไปพัฒนาธุรกิจได้ก็ต้องอาศัย BFV™ model (Brand future valuation model) มาเป็นพื้นฐานสำคัญ อยากรู้แล้วใช่ไหมครับว่าจะทำให้แบรนด์มีมูลค่าเพิ่มในอุตสาหกรรมที่ว่านี้ต้องดูที่ปัจจัยอะไรไปติดตามกันเลย



🔴 1. กลยุทธ์การจัดสัดส่วนทางการตลาด Brand Segmentation Strategy แบรนด์ที่มีมูลค่าที่ดีเขาทำอะไรกัน ?


สำหรับกลยุทธ์ในข้อนี้จะส่งผลต่อมูลค่าแบรนด์ก็ต่อเมื่อการวางกลยุทธ์ในข้อนี้สามารถส่งผลต่อการเติบโตด้านยอดขายขององค์กรได้ดีกว่าคู่แข่งนั่นเอง เท่าที่สังเกตุเห็นแบรนด์ต่างๆ ที่มีมูลค่าสูงนั้นแบรนด์องค์กรจะสามารถช่วยส่งผลหรือเป็นสปริงในการขยายยอดขายในหลากหลาย Segment มากกว่า ใน Segment นี้จะเป็นการจัดที่ครอบคลุมทั้งแบบแนวตั้ง (ขยายไปได้หลากหลายกลุ่มกำลังซื้อ) และแนวนอน (ขยายไปได้ตามประเภทของสินค้าเช่นแนวราบแนวสูงเป็นต้น)


🔴 2. กลยุทธ์การวางตำแหน่งคุณค่าแบรนด์ Brand Value Strategy แบรนด์ที่มีมูลค่าที่ดีเขาทำอะไรกัน ?

คุณค่าแบรนด์ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นมีผลมากต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคสำหรับในธุรกิจประเภทอสังหานั้นถือเป็นปัจจัยสี่ที่สำคัญของมนุษย์และเป็นสินค้าที่มีความ High involvement ที่สูงเพราะบางคนเก็บเงินมาทั้งชีวิตเพื่อให้ได้บ้านมาสักหลังและบ้านคือความฝันและทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของผู้บริโภค


คุณค่าที่เรามักพบว่าส่งผลต่อสภาวะ Brand Impact คือ

เป็นแบรนด์ที่ส่งมอบคุณค่า : คิดค้นสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ (Creative & Uptodate)

เป็นแบรนด์ที่ส่งมอบคุณค่า : พัฒนานวัตกรรมใหม่ (Innovative)

เป็นแบรนด์ที่ส่งมอบคุณค่า : ความรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ

เป็นแบรนด์ที่ส่งมอบคุณค่า : อบอุ่นใจปลอดภัย


🔴 3. กลยุทธ์การจัดระบบสถาปัตยกรรมแบรนด์ Brand Architecture Strategy แบรนด์ที่มีมูลค่าที่ดีเขาทำอะไรกัน ?

กลยุทธ์ในหัวข้อนี้ผมบอกได้เลยว่าต่างกันที่ความไม่รู้เลยก็ว่าได้เพราะการจัดระบบสถาปัตยกรรมแบรนด์นั้นต้องอาศัยความรู้ในวิธิการกำหนดกลยุทธ์ต่างๆ ซึ่งมั่วไม่ได้ ครับ ! เพราะการจัดระบบสถาปัตยกรรมแบรนด์นั้นส่งผลต่อทีมการตลาดและทีมขายทั้งหมดเลยทีเดียวและทำให้ใช้งบประมาณสิ้นเปลืองหรือประหยัดก็ขึ้นกับกลยุทธ์ในข้อนี้


ก่อนจะไปวิเคราะห์ให้ทุกท่านฟังนั้นผมต้องอธิบายก่อนครับว่าระบบสถาปัตยกรรมแบรนด์คือการจัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์องค์กรและแบรนด์สินค้า

โดยมากระบบสถาปัตยกรรมแบรนด์จะมีระบบใหญ่ๆ อยู่ 3 ระบบ

1.One brand one product ระบบที่แบรนด์องค์กรไม่มีความสัมพันธ์กับแบรนด์สินค้าเลย

2.Endorsing brand ระบบที่แบรนด์องค์กรมีความสัมพันธ์แบบการการันตีรับรองกับแบรนด์สินค้า

ลักษณะแบบนี้แบรนด์สินค้าจะโดดเด่นชัดเจน

3.Family brand ระบบที่แบรนด์องค์กรมีความสัมพันธ์แบบครอบครัวหรือแบรนด์องค์กรเป็นบทบาทนำ แบรนด์สินค้าต้องไม่โดดเด่นเกินแบรนด์องค์กร


โดยในระบบแบรนด์ที่ส่งผลต่อสภาวะ brand impact ( การตัดสินใจซื้อ ) และ WACC ( ต้นทุนทางการเงิน) แบรนด์ที่มีมูลค่าที่สูงมักจะใช้ระบบแบบในข้อสอง Endorsing brand และสาม Family brand


🔴 4. กลยุทธ์การจัดระบบแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ Brand Portfolio Strategy แบรนด์ที่มีมูลค่าที่ดีเขาทำอะไรกัน ?

กลยุทธ์การจัดระบบแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ Brand Portfolio Strategy นั้นมีหลักคิดใกล้เคียงกับในการจัดระบบสถาปัตยกรรมแบรนด์กล่าวคือ ถ้าผิดแล้วยาวววว ครับและแก้ยากมากๆ ด้วย ดังนั้นต่างกันที่ความรู้หรือไม่รู้! โดยมากการจัดระบบพอร์ตโฟลิโอในอุตสาหกรรมนี้ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์โดยการจัด ระบบแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นผมยืนยันได้เลยว่าไม่เหมือนกับธุรกิจ Consumer product หรือ Retail อย่างที่บอกครับ บ้าน คอนโด คือ ชีวิตของผู้คน นี่คือหลักคิดสำคัญ !


ในการจัดระบบแบรนด์พอร์ตโฟลิโอ Brand Portfolio Strategy มี 3 กลุ่มใหญ่ๆ

1.กลยุทธ์แบรนด์พอร์ตโฟลิโอแบบการสร้างพลังให้กับพอร์ต

2.กลยุทธ์แบรนด์พอร์ตโฟลิโอแบบการสร้างรายได้ให้กับพอร์ต

3.กลยุทธ์แบรนด์พอร์ตโฟลิโอแบบ Fighting brand


จากดาต้าที่วิเคราะห์กันออกมาพบว่ากลยุทธ์การจัด แบรนด์พอร์ตโฟลิโอ มักจะเน้นไปในข้อ 1 และ ข้อ 2 กลยุทธ์แบรนด์พอร์ตโฟลิโอแบบ Fighting brand นั้นอันตรายและอาจส่งผลต่อแบรนด์องค์กรด้วยในระยะถัดไปและทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะตกต่ำลงซึ่งจะส่งผลต่อความแข็งแรงของแบรนด์ตามมาอย่างมากดังนั้นท่านไหนที่คิดจะใช้กลยุทธ์ประเภทนี้หลีกเลี่ยงดีกว่าครับ


🔴 5. กลยุทธ์การสร้างสาวกแบรนด์ Brand Superfans Strategy แบรนด์ที่มีมูลค่าที่ดีเขาทำอะไรกัน ?

แบรนด์ที่มีมูลค่าโดยเฉพาะในห้าอันดับต้นนั้นเขามักจะมีคะแนนด้าน Brand Superfans ที่สูงกันเกือบหมด มีบ้างที่คะแนนข้อนี้ต่ำกว่ามาตรฐานแต่โดยรวมๆ ก็ผ่านเกณฑ์ที่ควรจะเป็น


แบรนด์เหล่านี้เขาทำอะไรกันทำให้เกิดสาวกแบรนด์ก็ต้องบอกว่าคำตอบของการสร้างสาวกแบรนด์ในธุรกิจอสังหานั้นเรื่องพื้นฐานถือว่าสำคัญมากๆ โดยเฉพาะคำว่า “ เชื่อมั่น ไว้วางใจ “ เป็นคุณค่าพื้นฐานที่ถ้าได้มานั้นจะเกิดสาวกแบรดน์ขึ้นเองโดยเฉพาะส่วนที่เป็น BFI หรือ Brand Faith Index คือ ความรู้สึกว่าศรัทธา มั่นใจในแบรนด์นี้ นั่นเอง


ดังนั้นสำหรับกลยุทธ์การสร้างสาวกแบรนด์ในข้อนี้นั้นท่านจะต้องได้มาจากการทำพื้นฐานการออกแบบโครงการที่ดีทั้งด้านความสวยงามของสถาปัตยกรรมและส่วนกลางของโครงการมีฟังก์ชั่นและการเลือกใช้วัสดุที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้านั่นเอง


ทั้ง 5 กลยุทธ์นี้มีผลต่อมูลค่าแบรนด์อย่างแน่นอนครับที่สำคัญความแตกต่างอาจไม่ใช่งบประมาณใครมากกว่าใครแต่ต่างกันที่รู้หรือไม่รู้ต่างหากครับ


#BaramiziConsult #BFVModel #กรุงเทพธุรกิจ #เจาะลึกปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าแบรนด์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ดู 90 ครั้ง
bottom of page