top of page

แผนการมุ่งสู่ Net Zero 2050 ของแสนสิริ มีอะไรบ้าง ?

"เมื่อโลกไม่ได้กำลังร้อน แต่กำลังเดือด" 🔥


🌏 จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ “Climate Change” ทวีความรุนแรง กลายเป็นภาวะโลกร้อน ผู้คนล้มป่วย และเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติมากมาย ที่สร้างความสั่นสะเทือนและความเดือดร้อนแก่ผู้คนทั้งโลกจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ และ เกิดความวิตกกังวลว่าหากทุกฝ่ายไม่ร่วมมือแก้ไขอย่างจริงจังและลงมือทำจริง ความหายนะจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับโลกใบนี้อย่างแน่นอน


ท่ามกลางวิกฤตได้สร้างโอกาสทางธุรกิจที่ภาครัฐและเอกชนได้ร่วมมือกัน หาแนวทางลดโลกร้อน ที่ตอบสนองให้สามารถใช้ได้ในชีวิตประจำวัน รวมไปถึงในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องเพื่อใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำรายแรกของไทย ที่มีการตั้งเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ NET-ZERO ในปี 2050 (พ.ศ.2593)


แสนสิริ ถือเป็นเจ้าแรกในภาคธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่ประกาศเป้าหมายมุ่งสู่ NET-ZERO ภายในปี 2050 (หรือ พ.ศ. 2593) วันนี้บารามีซี่เราจะพาไปดูกลยุทธ์ของ แสนสิริ กันค่ะ ว่ามีแผนการมุ่งสู่ NET-ZERO ด้วยวิธีการอะไรบ้าง




แสนสิริมีแผนการมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050 แบ่งกลยุทธ์ออกเป็น 3 ด้านหลัก ดังนี้


1.การก้าวสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนตํ่า ด้วยมุ่งประหยัดพลังงานและใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพยกระดับการการใช้นวัตกรรมเพื่อพลังงานสะอาดเป็น 100% ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568) 

✅ ขยายแผนการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) คือการนำแผงโซลาร์เซลล์มาติดตั้งบนหลังคาบ้าน และ EV Charger ครบ 100% ให้กับบ้านแสนสิริทุกหลัง 

✅ ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ครบ 100% สำหรับคลับเฮาส์ในทุกโครงการ

✅ ติดตั้งระบบสูบนํ้าและบำบัดนํ้าเสียแบบพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Water Treatment Pump) ในพื้นที่ส่วนกลางของทุกโครงการ

✅ เปลี่ยนรถส่วนกลางของบริษัทให้เป็นรถ EV 100% และเปลี่ยนการใช้นํ้ามันของเครื่องจักรทุกชนิดมาใช้พลังงานไบโอดีเซล 100%



2.ออกนโยบายด้านธรรมาภิบาลเพื่อลดคาร์บอนตลอดห่วงโซ่คุณค่า ภายใต้การดำเนินการ 3G

2.1 Green Procurement เลือกคู่ค้าที่ใส่ใจกระบวนการผลิตที่ยั่งยืน เช่น

✅ คู่ค้าที่มีแผนลดการใช้พลังงานและนํ้าทั้งในการผลิตและการใช้งานระยะยาว 

✅ คู่ค้าที่ใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรและนำกลับมาใช้ใหม่

✅ วางเป้าหมายจัดซื้อวัสดุคาร์บอนตํ่า (Low-carbon) ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันที่เกี่ยวข้องในสัดส่วน 30% ของวัสดุที่ผ่านการจัดซื้อโดยแสนสิริ ภายในปี 2025 (พ.ศ.2568)  

2.2 Green Architecture & Design ออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เช่น

    - Cool Living Designed Home นวัตกรรมบ้านเย็นช่วยประหยัดพลังงาน

    - Zero Waste Design การออกแบบที่ลดการสิ้นเปลืองและลดปริมาณขยะให้มากที่สุด

    - Universal Design การออกแบบเพื่อทุกคน ในทุกเพศทุกวัย รวมทั้งการผสมผสานแนวคิดความสำคัญด้านคุณภาพชีวิตผู้อยู่อาศัย (Well Being) สะอาดปราศจากเชื้อโรค ครอบคลุมไปถึงการมีอากาศบริสุทธ์

2.3 Green Construction การก่อสร้างและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีวัสดุเหลือใช้เป็นศูนย์ ตลอดจนการใช้นวัตกรรมในการพัฒนาโครงการอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อย่นระยะเวลาก่อสร้างให้เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด



3.การลงทุนในนวัตกรรมสีเขียว

โดยลงทุนในบริษัทที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น เทคโนโลยีเกี่ยวกับพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีการก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท โดยปัจจุบันได้ลงทุนไปแล้ว 3 บริษัท คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท เช่น โรงงานพรีคาสท์

✅ ในอนาคตมีแผนผลิตแบตเตอรี่ ที่สามารถชาร์จพลังงานจากแผงพลังงานแสงอาทิตย์ หลังคาบ้าน และนำไปใช้กับรถ EV ได้อีกด้วย   


🏠 นอกจากนี้ แสนสิริ ยังมีแผนรุกพัฒนา Net - Zero Home ครั้งแรกของไทย ภายในปี 2050

จับเทรนด์เพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ลุยชวนพันธมิตรและคู่ค้าผนึกกำลังตั้งทีม R&D สร้างบ้านแห่งอนาคต ช่วยประหยัดพลังงาน ลดก๊าซเรือนกระจกแบบบูรณาการ เพื่อโลกที่ยั่งยืนอีกด้วย


จะเห็นได้ว่าแสนสิริมุ่งมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกมิติและครอบคลุมมากที่สุด โดยให้ความสำคัญและคำนึงถึงตั้งแต่ในส่วนของพื้นที่อยู่อาศัยและการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในด้านต่างๆ ทั้งในเรื่องของประสิทธิภาพพลังงาน กระบวนการผลิตที่ยั่งยืน การเลือกคู่ค้าที่ผลิตเป็นเป็นวัสดุคาร์บอนต่ำ การออกแบบที่ยั่งยืน รวมถึงการจัดการขยะและน้ำอย่างยั่งยืน ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นให้องค์กรอื่นๆ ร่วมมือกันเข้ามาแก้ไขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น ซึ่งการวางกลยุทธ์ในครั้งนี้ไม่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่จะช่วยปรับพฤติกรรมและแนวคิดของคู่ค้าและผู้อยู่อาศัยให้เข้าใจและใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อันจะส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและการแก้ปัญหาโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพในที่สุด 🌏


ดู 128 ครั้ง

Comments


bottom of page